"ความว่างที่สร้างความสุข"
นักปราชญ์ชาวเอเชียวัยกลางคน
หนึ่งเล่าว่า มีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่ง แกเป็นคนอัตคัตความสุข
พยายามแสวงหาความสุขจากวิธีการต่างๆ แต่แล้วก็ยังรู้สึกว่า
ไม่ใช่ความสุขแท้ที่ตัวเองต้องการ
อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้แนะนำว่าถ้าอยากมีความสุขก็ควรจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะในบ้านของเรานั้น
เราสามารถเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านโดยที่ไม่ต้องมีใครมาคอยกวนใจ
ซ้ำยังมีอิสระที่จะเสกสรรค์ปั้นแต่งหรือจัดบ้านให้เป็นไปตามความต้องการของตน
เองอย่างไรก็ได้
เขาเชื่อตามที่มีผู้แนะนำ จึงตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นมาหลังหนึ่ง เมื่อแรกสร้างบ้านนั้น
บ้านของเขาหลังใหญ่ทีเดียว พอมีบ้านแล้ว เขามีความสุขมาก
เขาเริ่มจัดบ้านตามต้องการ
และเริ่มหาข้าวของต่างๆ มากมาย
มากองไว้ในบ้านทีละอย่างสองอย่าง
จนกระทั่งวันหนึ่ง ห้องว่างๆ
ในบ้านของเขาก็หายไป ทุกพื้นที่ในบ้านเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ
มองไปทางไหนก็รกหูรกตา
ทีนี้ชายหนุ่ม เริ่มรู้สึกว่าบ้านของตนเองช่างเป็นสถานที่ที่ไม่น่า อยู่ อากาศก็อุดอู้
เขาเริ่มบ่นกับตัวเองว่าคิดผิดถนัดที่สร้างบ้านขึ้นมา
เพราะนึกว่าบ้านจะให้ความสุขได้นานๆ
บางวันเขาก็ครุ่นคำนึงว่า น่าจะสร้างบ้านให้หลังใหญ่กว่านี้ จะได้บรรจุอะไรต่อมิอะไรได้เยอะๆ
ตามต้องการ
ขณะที่เขาเริ่มไม่มีความสุขเพราะบ้านกลายเป็นโกดังเก็บ
ของนั้นเอง
ก็มีนักปราชญ์คนหนึ่งผ่านมาแถวนั้น เขาบ่นดังๆ
จนปราชญ์คนนั้นได้ยิน
นักปราชญ์หนุ่มจึงแนะนำว่า
ถ้าเขาอยากให้บ้านเป็นสถานที่แห่งความสุข
ก็ไม่เห็นจะยากอะไร
เพียงแต่ขนข้าวของทั้งหมดออกมาวางข้างนอกบ้านเสียก็หมดเรื่อง
ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้น รีบทำตามทันที
เขาเริ่มขนข้าวของซึ่งโดยมากล้วนเป็นสิ่งซึ่งไม่จำเป็น
หากแต่เขาเก็บเอาไว้เพราะความละโมบมากกว่าออกมาทิ้งนอกบ้าน ขนอยู่สองวัน จนบ้านว่างโล่ง
และดูกว้างขึ้นมาผิดหูผิดตา คราวนี้เขามีความสุขมาก
รำพึงกับตัวเองว่า
แหม บ้านของฉันช่างกว้างขวาง
และน่าอยู่เสียนี่กระไร นักปราชญ์ได้ยินแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม
ก่อนจะเปรยขึ้นมาว่า บ้านของเจ้าน่ะ มันกว้างขวาง ว่าง โล่ง
และน่าอยู่มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
เจ้าของหากล่ะที่ทำให้มันไม่น่าอยู่
ด้วยการบรรจุอะไรๆ ที่เกินจำเป็นใส่เข้าไป
จนบ้านกลายสภาพเป็นกองขยะดีๆ นี่เอง
ใช่หรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่ที่กำลังกวาดตามองหาความสุขและพยายามที่จะเติมสิ่งนั้นสิ่งนี้
เข้าไปในชีวิต
แต่แล้วก็ยังคงรู้สึก “ พร่อง ”
หรือหมักหมมไปด้วยความทุกข์อยู่เหมือนเดิม
ไม่แตกต่างอะไรกับชายเจ้า
ของบ้านในนิทานปรัชญาเรื่องนี้
การจัดการชีวิตให้มีความสุขนั้น
ทางที่ถูก อาจไม่ใช่การใส่อะไรลงไปในชีวิต แต่แท้ที่จริงแล้ว
คือการถ่ายเท ปล่อยวาง หรือระบายบางสิ่งบางอย่างออกจากชีวิตมากกว่า
ในพุทธศาสนานั้น เราถือกันว่า ความสุขอาจเกิดจากความมี (สามิสสุข) ก็ได้
แต่ที่เหนือกว่านั้น
ความสุขอาจเกิดจากความเป็นอิสระจากความมีก็ได้
ด้วย (นิรามิสสุข)
บ้านแห่งชีวิตของเรา เมื่อแรกสร้างก็ดูโปร่ง
โล่ง เป็นระเบียบเรียบร้อย สบายหูสบายตา
แต่เมื่ออยู่กันไป อะไรๆ
ก็ชักจะเพิ่มขึ้น และบางทีเพิ่มมากมายจนกลายเป็นปัญหาอันบั่นทอนต่อความ
สุขในชีวิตคู่
จะดีกว่าไหม หากมีเวลาว่าง คนรักกัน
น่าจะลองหาวิธีทำพื้นที่หัวใจให้ว่างด้วยการถอดถอนบางอย่าง
ทิ้งออกไป
ขอเพียงเรียนรู้ที่จะลดบางอย่างลงไป
ความสุขในหัวใจก็คงจะเพิ่มขึ้น
ความสุข บางครั้งอาจไม่ได้ผูกพันอยู่กับความมี แต่บางที... อาจมาจากความว่าง
From
: สถาบันวิมุตตยาลัย